วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ จ. สมุทรปราการ
หน้าพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สังเกตุไม่ยากเนื่องจากช้างมีขนาดใหญ่มาก ว่ากันว่าสูงเท่าตึก 14 ชั้นเลยทีเดียว หลาย ๆ คนที่เคยผ่านมาที่จังหวัดสมุทรปราการ คงจะสงสัยว่าช้างอะไรทำใมถึงสร้างใหญ่ได้ขนาดนี้ เหมือนกับผู้เขียนซึ่งก็สงสัยมานาน นั่งรถผ่านทีไร ต้องมองดูจนลับสายตา วันนี้จึงได้ถือโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมภายในเมื่อเดินผ่านประตูทางเข้า จะมีซุ้มให้จ่ายค่าผ่านประตู
อัตราค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท
เมื่อจ่ายค่าเข้าชมแล้ว ก็เดินเข้าไปเรื่อย ๆ จะมีซุ้มสำหรับรับพวงมาลัย และธูปสำหรับบูชาช้างเอราวัณ(ราคารวมกับค่าตั๋วแล้ว) ก็จะมีคำบูชาให้ ใครสนใจที่จะเสี่ยงเซียมซี ก็สามารถที่จะเสี่ยงได้

หลังจากนมัสการช้างเอราวัณแล้ว ก็เดินไปเรื่อย ๆ ถ่ายภาพ ๆ รอเวลา รอบที่ต้องเข้าชมคือ 16.30 น.ก่อนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ อย่าลืมแวะลอยดอกบัวนะค๊ะ



เพื่อเติมเต็มให้กับชีวิตท่าน



พอถึงเวลาเข้าชม นึกว่าจะมีคนเยอะ ๆ ซะอีก ที่ใหนได้ เราต้องเดินชมกับไกด์แค่ 2 คน เริ่มจากตำแหน่งฐาน ที่จำลองให้เป็นเมืองบาดาลชั้นต่อไป ก็คือโลกมนุษย์ ซึ่งจะจำลองแผนที่โลก และก็ความเชื่อด้านศาสนา พุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ความเชื่อด้านศาสนา จะถูกสลักไว้ที่เสาทั้งสี่ ซึ่งจัดทำขึ้นมาจากดีบุก แกะสลัก เสาทั้งสี่ต้น ก็แทนด้วยศาสนา ทั้ง 4 ศาสนา ปัจจุบันนี้สร้างเสร็จแค่ 2 เสา ส่วนอีกสองเสากำลังก่อสร้างอยู่




หลังคาชั้น 2 โลกมนุษย์ จำลองแผนที่โลกเอาไว้





เสาแรกเป็นการแกะสลักความเชื่อเกี่ยวกับพุทธศาสนา


เสาที่ 2 เป็นการแกะสลักเกี่ยวกับความเชื่อของศาสนาคริสต์ส่วนอีก 2 เสายังสร้างไม่เสร็จ เหตุที่ได้สร้างเสาสี่เสา เนื่องจากต้องการให้หมายถึงในโลกของเรามีศาสนา 4 ศาสนาคอยค้ำจุนอยู่



ปลาอานนท์ สมัยโบราณมีความเชื่อว่า ด้านใต้ของพื้นโลกจะมีปลาอานนท์อยู่ เพื่อคอยปกป้องโลก เวลาที่แผ่นดินไหวนั้น เกิดจากปลาอานนท์ขยับตัว







เดิน ๆ ไป จนถึงท้องช้าง ซึ่งจะจำลองให้เป็นสวรรค์ มีรูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิม (เรียกอย่างนี้ถูกหรือเปล่าไม่แน่ใจ) บนชั้นสวรรค์จะมืด ๆ แต่ก็ดูขลัง ๆ แต่ว่าถ้าให้ขึ้นไปคนเดียวคงไม่กล้าแน่ ๆ เดินชมปราสาทสักพักก็กลับลงมาด้านล่าง แล้วก็ถ่ายภาพรอบ ๆ ที่จัดเป็นสวนไว้อย่างสวยงาม สำหรับที่นี่แล้วก็รู้สึกคุ้มค่าที่ได้เข้าไปชมนะ และยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ใช้เวลาเดินทางไม่มาก หากมีเวลาสัก ชั่วโมง หรือ สองชั่วโมงก็สามารถเที่ยวได้แล้ว ใครที่ได้มีโอกาสมาเมืองสมุรปราการ ก็อย่าลืมแวะเข้าไปสักการะช้างเอราวัณ กันนะค๊ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น